วันศุกร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2552

สถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจของดูไบ

สถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจของดูไบ


ดูไบเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ตั้งอยู่ทางภาคเหนือของประเทศมีพื้นที่ประมาณ 3,225 ตารางกิโลเมตร และมีประชากรประมาณ 1,674,527 คน ดูไบถือเป็นเมืองแห่งความมหัศจรรย์ เพราะที่ถูกผันแปรจากดินแดนทะเลทรายมาสู่ความมั่งคั่งในการค้า บริการ การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และศูนย์กลางธุรกิจ ไม่จำกัดเฉพาะการค้าน้ำมันแบบก่อนๆ


สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ประเทศดูไบ
หมู่เกาะต้นปาล์ม หมู่เกาะต้นปาล์ม เป็นโครงการก่อสร้างเกาะจำลองบริเวณอ่าวเปอร์เซีย ในดูไบ ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยแต่ละเกาะจะมีลักษณะรูปร่างเหมือนต้นปาล์ม และล้อมรอบด้วยเสี้ยววงกลม โดยพื้นที่จะมีการจัดเป็นที่อยู่อาศัย และรีสอร์ท การพัฒนานี้เป็นส่วนหนึ่งในโครงการพัฒนาการท่องเที่ยวของประเทศ ในโครงการจะมีการสร้างทั้งหมด 3 เกาะได้แก่ ปาล์ม Jumeirah, ปาล์ม Deira และ ปาล์ม Jebel Ali
อาคารเบิร์จดูไบ เบิร์จดูไบ (ภาษาอาหรับ: برج دبي , Burj Dubai – หอคอยดูไบ) เป็นตึกระฟ้าสูงยวดยิ่ง ที่อยู่ในระหว่างการก่อสร้างในย่านกลางเมืองดูไบ และเมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จก็จะถูกจัดเป็นอาคารระฟ้าที่สูงที่สุดในโลก กำหนดให้เข้าใช้งานได้ในต้นปี พ.ศ. 2552 ณ โดยจะสร้างให้มีความสูงประมาณ 818 เมตร ในดูไบยังมีโครงการก่อสร้างตึกในชื่อว่า อัลเบิร์จ ที่กำลังอยู่ในระหว่างการออกแบบและวางแผน โดยความสูงยังคงถูกเก็บเป็นความลับเช่นกัน โดยประมาณการว่าอาจจะสูงอย่างน้อย 800 เมตร การตกแต่งภายในจะบ่างออกเป็นโรงแรมอาร์มานี 37 ชั้นล่าง โดยชั้น 45 ถึง 108 จะเป็น อพาร์ตเมนต์ โดยที่เหลือจะเป็นออฟฟิศสำนักงาน และชั้นที่ 123 และ 124 จะเป็นจุดชมวิวของตึก ส่วนบนของตึกจะเป็นเสาอากาศสื่อสาร นอกจากนี้ชั้น 78 จะมีสระว่ายน้ำกลางแจ้งขนาดใหญ่ และตึกนี้จะติดตั้งลิฟต์ที่เร็วที่สุดในโลก ที่ความเร็ว 18 ม/วินาที (65 กิโลเมตร/ชั่วโมง, 40 ไมล์/ชั่วโมง)
เบิร์จอัลอาหรับ เบิร์จอัลอาหรับ (ภาษาอาหรับ: برج العرب , Burj al-Arab) เป็นโรงแรมหรูหราและเป็นโรงแรมที่สูงที่สุดในโลก โดยมีความสูง 321 เมตร (1,053 ฟุต) โดยตั้งอยู่บริเวณชายฝั่งทะเลบริเวณอ่าวเปอร์เซีย โดยเชื่อมต่อกับฝั่งผ่านทางสะพาน เบิร์จอัลอาหรับเป็นเจ้าของโดย จูเมราฮ์ การก่อสร้างเริ่มต้นในปี พ.ศ. 2537 แล้วเสร็จและเริ่มเปิดใช้งานครั้งแรกเมื่อ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2542 โดยตัวตึกออกแบบมีลักษณะคล้ายเรือใบ dhow ซึ่งเป็นยานพาหนะชนิดหนึ่งของชาวอาหรับ
ส่วนห้องในโรงแรมเบิร์จอัลอาหรับมีลักษณะเป็นห้องสวีตคู่ 202 ห้อง โดยห้องที่เล็กสุดมีขนาด 169 ตารางเมตร (1,819 ตารางฟุต) และห้องใหญ่สุดมีขนาด 780 ตารางเมตร (8,396 ตารางฟุต) และได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในโรงแรมที่แพงที่สุดในโลก โดยราคาค่าที่พักอยู่เริ่มต้นที่ $1,000 -$15,000 ต่อคืน และห้องที่แพงสุดจะอยู่ที่ราคา $28,000 ต่อคืน




ถนน Al Fahidi
ตั้งอยู่ใจกลางซุก Bur Dubai เป็นศูนย์กลางร้านค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าชั้นนำ โฮมเธียร์เตอร์ รวมไปถึงอุปกรณ์ถ่ายรูป ซึ่งเสนอขายในราคาย่อมเยาว์

Al Nasr Leisureand
ตั้งอยู่บริเวณ Bur Dubai ห่างจากถนน Zabeel เป็นสวนสาธารณะที่ทันสมัยแห่งหนึ่ง ผุ้ชื่อชอบการเล่นกีฬาจะต้องถูกใจเป็นพิเศษ เพราะสวน Zabeel นี้ มีทั้งลู่สำหรับโยนโบล์ลิ่ง พื้นน้ำแข็งราบสำหรับเล่นสเก๊ต และสระว่ายน้ำ รวมไปถึงสวนสนุกสำหรับเด็ก เปิดทุกวัน เวลา 09.00-22.00 น.

Bait Al Wakeel
สร้างขึ้นในปี 1934 โดยท่านชีคราชิด ซึ่งเป็นผู้ครองรัฐองค์ที่แล้ว ถือว่าเป็นตึกทางการแห่งแรกของดูไบโดยในปัจจุบันได้ทำเป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงความเป็นมา และวิถีชีวิตของชาวประมง

Bani Yas Square
สิ่งที่เห็นได้ชัดในบริเวณ Bani Yas Square คือ หอ Deira ที่มีลักษณะยอดบนเป็นวงกลม บริเวณจัตุรัสจะมีสินค้าประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องนุ่งหุ่ม และ สินค้าบริโภคทั้งหลายให้คุณต่อรองราคากันได้

พิพิธภัณฑ์ดูไบ
ด้านในของพิพิธภัณฑ์แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่เป็นด้านบนและด้านล่าง ด้านบนจะเป็นแบบจำลองกำแพงหินและกระท่อมแบบชาวพื้นเมืองเก่าๆ สำหรับด้านล่างหรือชั้นใต้ดินจะกว้างใหญ่และลึกลับซับซ้อนมาก มีทั้งภาพวาดสีน้ำของดูไบในอดีต การจัดหุ่นนิ่งแสดงวิถีชีวิตของคนพื้นเมือง มีการจำลองบรรยากาศใต้ทะเลโดยใช้แสงสีจำลอง ทำให้เห็นภาพของชาวดูไบในอดีต นอกจากนี้ ยังมีห้องแสดงความก้าวหน้าทางวิทยาการโบราณแบ่งซอยออกไปอีก โดยจัดแสดงพัฒนาการของตัวเลขและตัวอักษรอาระบิก รวมไปถึงการเรียนรู้วิชาดาราศาสตร์และเรื่องราวของทะเลทราย

Bastakiya
ย่าน Bastakiya เป็นย่านที่เรียกได้ว่าเป็นย่านเมืองเก่าถือได้ว่าเป็นศูนย์กลางของวัฒนธรรม และ แกลอรี่ศิลปะ ของที่นี่เลยทีเดียว บริเวณดังกล่าวนี้เป็นเพียงทางแคบๆ โดยมีหอกังหันลมตั้งตระหง่านเป็นฉากหลัง ทำให้นึกย้อนไปในอดีตที่บริเวณ Bastakiya นี้มักจะเต็มไปด้วยหอกังหันลม ตั้งเรียงรายอยู่บริเวณที่เรียกว่า The Creek ซึ่งหอกังหันลมเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยประดับประดาตกแต่งย่าน Bastakiya ให้สวยงามน่าชมแล้ว ยังช่วยให้บรรเทาความร้อนให้กับบ้านเรือนที่ตั้งอยู่แถวนั้น ก่อนที่จะมีไฟฟ้าใช้อีกด้วย

สวนสัตว์ดูไบ
ถึงแม้ว่าสวนสัตว์ของดูไบ ที่ตั้งอยู่บนถนน Jumeirah Beach จะเล็กไปบ้าง แต่เชื่อได้ว่าคุณต้องรู้สึกทึ่ง กับบรรดา สัตว์หลากหลายชนิดอาศัยที่อยู่ในนี้ เพราะนอกจาก คุณจะได้เพลิดเพลินไปกับนกนานาประเภทแล้วคุณยังต้องรู้สึกตื่นเต้นไปกับสัตว์น้อยใหญ่ รวมไปถึงสัตว์ที่มาจากต่างประเทศด้วย

Shiekh Zayed Road
เทียบได้กับย่านดาวน์ทาวน์ของเมืองแมนฮัตตัน เป็นเขตการค้าของเมือง ล้อมรอบไปด้วยตึกสูงระฟ้า เป็นสถานที่ตั้งของตึก World Trade Centre และ โรงแรม Emirates Tower
The Creek
เป็นจุดชมทิวทัศน์ มีลักษณะเป็นท่าเรือที่ตัดผ่านใจกลางเมือง ซึ่งเป็นศูนย์รวมประวัติศาสตร์และเป็นย่านชุมชนใน ดูไบ The Creek เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการเดินเล่นชมวิวทิศทัศน์ ยิ่งผู้ที่สนใจวัฒนธรรมและประเพณีของผู้คนชาติต่างๆ จะต้องรู้สึกชื่นชมและประทับใจกับภาพทั้งสองฟากฝั่ง โดยเฉพาะภาพที่นกนางนวลหลายร้อยตัวบินโฉบฉวัดเฉวียนผ่านเรือสัญจร หรือที่เรียกว่า เรือเดา (dhow) มีลักษณะเป็นเรือใบเสาเดียวทีชาวอาหรับใช้เป็นพาหนะที่แล่นผ่านไปมา มีพระอาทิตย์ดวงกลมโตที่ค่อยๆ ลดแสงลง เป็นฉากหลังคุณสามารถล่องเรื่อข้ามฟากชื่นชมสองฝั่งของดูไบได้ ตรงท่าขึ้นเรือตรงข้ามกับโรงแรมคอนติเนนตัลในฝั่ง Deira และ ตรงข้ามกับซุกเก่าในเขต Bur Dubai และที่กับภาพความสวยงามเหล่านั้นได้อย่างชัดเจนที่สุดคือตรงจุดที่เรียกว่า abra ซึ่งเป็นทางเข้าทางน้ำเล็กๆ กั้นระหว่างซุก Deira กับด้าน Bur Dubai และหากคุณล่องเรือไปจนสุดปลายอ่าว คุณจะเห็นทะเลสาบบนเกาะหินปะการังขนาดใหญ่และเป็นที่ตื้นเขิน ซึ่งในปัจจุบันกลายเป็นที่อพยพของสัตว์ โดยเฉพาะนก ที่ในฤดูหนาวจะอพยพมาตั้งหลักแหล่งในคราวเดียวกันถึง 27,000 ตัว โดยเฉพาะนกฟลามิงโกใหญ่

Wild Wadi
ถัดจากโรงแรม Jumerah Beach ไปไม่ไกลนัก คุณจะได้พบกับสวนน้ำติดอันดับหนึ่งของโลกที่มีขื่อว่า Wild Wadi ที่นี่คุณจะได้พบกับเครื่องเล่นที่เร้าใจและสนุกสนานเพลิดเพลิน แนะนำเครื่องเล่น Log River, Ring Ride, Flood River, Wave Pool, Flow Rides และอื่นอีกมาก

หมู่บ้านนักท่องเที่ยว Al Boom
อยู่ติดกับสวนสาธารณะ Creekside คุณจะได้ตื่นตาตื่นใจกับร้านขายอาหาร คอฟฟี่ช็อป ภัตตาคาร และสวนสนุกมากมาย ท่ามกลางบรรยายกาศ และวิวทิวทัศน์ของทะเลสาบ และเรือนำเที่ยวขนาดใหญ่ที่จอดรอรับลูกค้า
สถานที่ประวัติศาสตร์
หากคุณเป็นผู้หนึ่งที่ชื่นชอบเรียนรู้ประวัติศาสตร์ของชนชาติต่างๆ คุณก็ต้องไม่พลาดที่จะเยี่ยมชมสถานที่สำคัญของดูไบ เป็นที่ที่คุณสามารถพบเห็นเครืองมือเครื่องใช้ซึ่งเป็นผลผลิตที่เกิดจากมนุษย์จากยุคศตวรรษที่ 7 จนถึงศตวรรษที่ 15

นอกจากเที่ยวชม และชอปปิ้งสินค้าปลอดภาษี รวมถึงสำรวจเมืองเรียบร้อยแล้ว กิจกรรมที่น่าสนใจอื่นของดูไบ ที่อยากท้าให้ลอง คือ การขี่ม้า ขี่อูฐ และสำหรับท่านที่ชอบการออกรอบ สนามตีกอล์ที่ดูไบนี้ก็ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในสนามกอล์ฟคุณภาพแห่งหนึ่งของโลก ที่อำนวยความครบครันในเรื่องของความสะดวกสบาย ความใหญ่โต และความสวยงาม ในบรรยากาศของท้องทะเลทราย ที่กว้างใหญ่แต่ไม่เวิ้งว้าง

การเดินทาง
สำหรับการทำวีซ่าดูไบนั้น ไม่สามารถยื่นเรื่องขอได้ที่สถานฑูตที่เมืองไทย ต้องยื่นผ่านบริษัททัวร์หรือสายการบินเอมิเรสต์ใช้เวลาขั้นต่ำ ประมาณ 1 อาทิตย์ และสามารถอยู่ได้ 1 เดือนเท่านั้น สอบถามรายละเอียดได้ที่สำนักงานสายการบินเอมิเรตส์กรุงเทพฯ โทร 0-2664-1040-4 หรือเข้าเยี่ยมชมเว็บไซดต์ www.emirates.com/th

เอกสารสำหรับขอวีซ่า- หนังสือเดินทาง (Passport) ตัวจริง มีอายุเหลือมากกว่า 6 เดือนขึ้นไป นับจากวันเดินทาง, มีหน้าวีซ่าเหลือมากกว่า 2 หน้าขึ้นไป- ที่อยู่พร้อมเบอร์โทรศัพท์ที่สามารถติดต่อได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น